top of page

ทำไมการเรียน Marketing ควรเรียนแบบ Workshop



มีคนชอบถามกันบ่อย ๆ ว่าทำไมคลาสการตลาดที่ dots academy ถึงต้องทำเวิร์กชอปกันจริงจังหลายวันเดียว บางคลาสก็ 4 วัน หรือหนัก ๆ อย่าง Winning Strategy ก็ปาเข้าไป 7 วันทีเดียว แถมจำกัดผู้เรียนอีกต่างหาก


เรื่องนี้ผมต้องอธิบายว่าจากประสบการณ์ที่ผมทำงานและสอนการตลาดมาร่วมจะ 10 ปีนั้น การสอนการตลาดแบบบรรยายให้ฟังว่าอะไรเป็นอะไร ทฤษฎีคืออะไร Framework เป็นยังไงนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเท่าไร จริงอยู่ว่าตอนที่ผู้บรรยายทำสไลด์สอน หรือตกผลึกความคิดก็ใช้เวลาระดับหนึ่ง แต่พอไปบรรยายมันก็อาจจะใช้เวลาไม่เยอะ ส่วนคนฟังก็จะมองว่าการบรรยายนั้นดีไม่ดีก็ดูที่เนื้อหาเป็นอย่างไร


แต่ปัญหาที่มักจะตามมาอยู่เสมอคือคนฟังบรรยายรู้สึกฟินกันตอนเรียนแต่กลับไปถึงหน้างานจริงแล้วก็เอ๊ะ ทำกันไม่เป็น ไม่รู้จะเริ่มยังไง หรือบางคนตอนทำโจทย์กลางหรือเวิร์กชอปง่าย ๆ ในห้องก็ดูไม่ยาก แต่พอทำธุรกิจตัวเองกลับไปไม่ถูกก็เยอะ


ที่เป็นแบบนี้เพราะตัวทฤษฎีเองนั้นยังเป็นหลักการที่ต้องนำไปปรับใช้และประยุกต์เข้ากับบริบทต่าง ๆ อีกพอสมควร ผู้สอนอย่างผมเองก็อาจจะไม่ได้ยากอะไรกับการอธิบายหลักการต่าง ๆ เพราะมันถูกสรุปเอาไว้แล้ว แต่การเอาไปทำงานจริงนั้นต่างจาก "การเรียน" พอสมควรเพราะพื้นฐานของผู้เรียนแต่ละคนกับบริบทที่ตัวเองมีนั้นแตกต่างกันมากจนทำให้หลายคนเมื่อต้องลงมือจริงกับธุรกิจตัวเองก็ทำต่อไม่ได้


เรื่องนี้จะยิ่งเห็นได้ชัดมาก ๆ กับเรื่องที่เกี่ยวกับกลยุทธ์ (Strategy) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insight Analysis) หรือการสร้างสรรค์ไอเดีย (Ideation) ที่พอเจอโจทย์ชีวิตจริงแล้วตำราที่ท่องมาก็ทำต่อไม่ถูกกัน


ด้วยเหตุนี้เอง การฝึกฝนผ่านเวิร์กชอปแบบซ้ำไปซ้ำมา ประกอบกับการโดนกดดันให้ทำงานจริงให้ได้ในห้องเรียนจึงเป็นเรื่องจำเป็นในการฝึกฝนทักษะการตลาดเหล่านี้ และจำเป็นมากที่ผู้สอนจะต้องดูว่าผู้เรียนสามารถทำได้หรือไม่ นำ Framework ที่ได้ไปใช้ได้อย่างเข้าใจหรือเปล่า


อย่างตัวผมเองนั้น ก็ยังต้องยอมรับว่า Framework ต่าง ๆ ที่สร้างมานั้นอาจจะดูดีเวลาพรีเซ้นท์ แต่ก็ต้องคอยกำกับและช่วยเหลือผู้เรียนอยู่เรื่อย ๆ ว่าในบริบทของเขานั้นจะต้องประยุกต์อย่างไร เพราะหลายคนอาจจะท่องทฤษฎีได้ แต่เอาไปใช้ต่อไม่ได้ หรือร้อยต่อให้เป็นเรื่องราวไม่ได้นั่นเอง


ที่กล่าวมานี้ก็ใช่ว่าการเรียนการตลาดจะไม่สามารถเรียนโดยการฟังบรรยายเฉย ๆ หรอกนะครับ เพราะกับบางคนซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ระดับหนึ่งแล้วก็จะสามารถปะติปะต่อหรือเชื่อมโยงสิ่งที่ได้รู้มานั้นเข้ากับภาพใหญ่ที่ตัวเองมีอยู่ได้อย่างรวดเร็ว เหมือนกับที่หลายคนอ่านหนังสือแล้วสามารถปลดล็อคความคิด นำไปทำงานต่อได้ทันที ส่วนบางคนก็อ่านแล้วจำได้แต่เอาไปทำจริงไม่ได้นั่นเอง


ก็ลองเอามาฝากไว้สำหรับคนที่คิดเรื่องอยากเรียนและพัฒนาทักษะการตลาดของตัวเองว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้มานั้นสามารถทำให้เกิดทักษะที่นำไปทำงานได้จนชำนาญใช่หรือไม่ หรือสุดท้ายเป็นแค่การท่องจำกันไปนั่นเองล่ะครับ

Comments


ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page