ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการอบรม Storytelling: อย่าเพิ่งคาดหวัง ก่อนเข้าใจแก่นแท้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “Storytelling” กลายเป็นทักษะที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกของการสื่อสาร การตลาด และภาวะผู้นำ หลายองค์กรจัดอบรม หลายคนรีบสมัครเรียน โดยหวังว่าจะเปลี่ยนตัวเองให้ “พูดเก่งขึ้น”, “พรีเซนต์ดีขึ้น” หรือแม้กระทั่ง “ได้ขึ้นเวทีเป็น Keynote Speaker”

แต่ความคาดหวังเหล่านี้ อาจกลายเป็นกับดัก ถ้าเริ่มต้นจาก “ความเข้าใจผิด”

1. การอบรม Storytelling ไม่ได้ทำให้คุณ “พูดเก่ง” ในทันที

หลายคนเข้าสู่คอร์ส Storytelling ด้วยความหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการพูด—เช่น พูดไม่คล่อง ขาดความมั่นใจ หรือไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แต่สิ่งที่ Storytelling มอบให้ ไม่ใช่สูตรลัดในการพูดเก่ง

เพราะแก่นของ Storytelling คือ “การสื่อสารอย่างมีเจตนา” ไม่ใช่ “การพูดให้สวย” หากแต่เน้นทำให้คนที่กำลังเล่ารู้ว่า จะเล่าเรื่องนี้เพื่ออะไร คนฟังรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ และจะพาเรื่องไปสู่จุดที่มีพลังได้อย่างไร

ด้วยเหตุนี้เอง Storytelling จึงไม่ใช่การ “พูดเก่งขึ้น” แต่คือการ “คิดให้ลึกขึ้นก่อนพูด”

2. เรียน Storytelling ไม่ได้แปลว่า คุณจะกลายเป็น Keynote Speaker

การเป็น Keynote Speaker คือผลลัพธ์ของประสบการณ์ การสร้างตัวตนทางความคิด (thought leadership) และการเล่าเรื่องจากมุมที่มีพลัง

ไม่ใช่สิ่งที่ฝึกได้จากเวิร์กชอปเพียงไม่กี่ชั่วโมง

Storytelling เป็นเพียงเครื่องมือ—แต่เครื่องมือจะไร้ค่า หากผู้ใช้ไม่มีมุมมองที่ชัด ไม่มีเรื่องที่ลึก และไม่มีเหตุผลที่คนควรฟัง

เพราะ Keynote ที่ดี ไม่ได้สร้างจากเสียงที่มั่นใจ แต่เกิดจาก ความคิดที่หนักแน่น และเรื่องราวที่เปลี่ยนมุมมองของคนฟังได้

3. Storytelling ไม่ใช่แค่ “การทำ Slide ให้สวย”

อีกความเข้าใจผิดที่พบบ่อยในองค์กร คือการคิดว่า Storytelling คือการนำเสนอที่มีสไลด์สวย โครงเรื่องชัด และรูปภาพน่าสนใจ

แน่นอนว่าทักษะการเล่าเรื่องสามารถยกระดับงานนำเสนอได้ แต่อย่าลืมว่า Slide เป็นแค่เครื่องมือ ไม่ใช่เรื่องเล่า

คุณสามารถมี Slide ที่ดีโดยไม่เข้าใจผู้ฟังเลยก็ได้แต่ Storytelling ที่ดีจะเริ่มจากคำถามว่า “สิ่งที่ฉันกำลังเล่า ตรงกับสิ่งที่ผู้ฟังรู้สึก สนใจ หรือเชื่อไหม?” ซึ่ง Slide ที่ดีจะช่วยให้ข้อมูลเข้าใจง่าย และ Storytelling ที่ดีเปลี่ยน “ข้อมูล” ให้กลายเป็น “อิทธิพล”

Storytelling ไม่ได้สอนให้คุณพูดเก่ง ไม่ทำให้คุณกลายเป็น Keynote Speaker ในชั่วข้ามคืน และไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการออกแบบ Slide หากแต่มันคือทักษะที่เริ่มจากการฟัง เข้าใจ และเลือกเล่าเรื่องด้วยเจตนาที่ชัดเจน

เพราะในวันที่โลกเต็มไปด้วย “คนพูดเก่ง”

สิ่งที่สร้างความต่างคือ “คนที่พูดแล้วคนเชื่อ”