top of page

การแยกแยะระหว่างการถามเพื่อเรียนรู้กับการถามแบบก่อกวน



การตั้งคำถามถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและต่อยอดความรู้ อย่างไรก็ตาม บางครั้งก็มีคำถามที่ดูเหมือนจะก่อกวนหรือไม่สร้างสรรค์ ดังนั้น เราจึงควรรู้จักแยกแยะให้ได้ว่าคำถามใดเป็นการถามเพื่อเรียนรู้ และคำถามใดเป็นการถามแบบก่อกวน


ลักษณะของการถามเพื่อเรียนรู้:

  1. เป็นคำถามที่แสดงถึงความสนใจและใฝ่รู้อย่างแท้จริง

  2. มีความเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับหัวข้อที่กำลังพูดคุย

  3. เป็นคำถามปลายเปิดที่กระตุ้นให้เกิดการคิดวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

  4. แสดงถึงความตั้งใจที่จะรับฟังและทำความเข้าใจคำตอบ

  5. หากเป็นการถามเพื่อท้าทายหรือโต้แย้ง ก็จะแสดงออกอย่างสุภาพและให้เกียรติผู้พูด


ลักษณะของการถามแบบก่อกวน:

  1. เป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญของการสนทนา

  2. มีเจตนาที่จะขัดจังหวะ เบี่ยงเบน หรือเปลี่ยนประเด็น

  3. เป็นคำถามปลายปิดที่มีนัยยะในเชิงลบ หรือต้องการคำตอบแค่ใช่กับไม่ใช่

  4. แสดงท่าทีไม่เปิดใจรับฟัง ตัดสินไว้แล้ว หรือไม่สนใจคำตอบ

  5. ใช้คำพูดที่ยั่วยุ เสียดสี หรือโจมตีเป็นการส่วนตัว


นอกจากการสังเกตลักษณะของคำถามแล้ว การแยกแยะยังต้องพิจารณาถึงบริบท น้ำเสียง และภาษากายของผู้ถามประกอบด้วย บางครั้งคำถามที่ดูเหมือนก่อกวนอาจเป็นเพียงการใช้คำพูดที่สื่อออกมาไม่ดีก็เป็นได้ ดังนั้น การสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจอย่างใจเย็นและให้เกียรติกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น


ในฐานะผู้ฟัง เราอาจจะกระตุ้นให้เกิดคำถามเพื่อการเรียนรู้ได้ ด้วยการรับฟังอย่างตั้งใจ แสดงความเปิดกว้าง และให้เวลาอีกฝ่ายได้คิดและพูด เมื่อมีคำถามที่ดูเหมือนจะก่อกวน เราอาจตอบด้วยการชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างเป็นกลาง และหากจำเป็นอาจต้องกลับมาโฟกัสที่ประเด็นหลักของการสนทนาอีกครั้ง


การถามคำถามเป็นศิลปะและทักษะที่ทรงพลัง หากใช้ในทางที่ถูกต้องย่อมนำไปสู่การเรียนรู้และสร้างสรรค์ ในขณะเดียวกัน การถามแบบก่อกวนก็เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารที่ดี ดังนั้น การรู้จักแยกแยะและปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ทั้งในฐานะผู้พูดและผู้ฟัง เมื่อเราส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งการตั้งคำถามด้วยความใฝ่รู้และเคารพกัน การสนทนาก็จะกลายเป็นพื้นที่แห่งปัญญาที่ทุกคนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง

Comments


ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page