"ยุคนี้แล้วเรายังมาคุยเรื่องการแต่งตัวในออฟฟิศอีกเหรอ ?"
นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดในตอนแรกของการอ่านบทความต่างประเทศที่พูดถึงประเด็นการที่ธุรกิจควรหันมาลองพิจารณาดูว่าควรพูดคุยกับพนักงานเรื่องการแต่งตัวกันเสียหน่อย
แต่พอทำความเข้าใจเหตุที่ผู้เขียนยกมาพูดคุยนั้นมันก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะประเด็นที่เรากำลังคุยอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องของการมีเครื่องแบบหรือไม่มีเครื่องแบบ (เพราะมันคงแปลกไม่น้อยถ้าเราจะมากำหนดเรื่องเครื่องแบบกันในปัจจุบันหากไม่ใช่ธุรกิจเฉพาะอย่างเช่นโรงแรมหรืองานบริการต่าง ๆ)
หากแต่ประเด็นสำคัญคือการแต่งกายที่เรียกว่า "Casual Work Outfit" หรือชุดทำงานลำลองนั้นเริ่มมีกรอบที่กว้างกว่าชุดลำลองสมัยก่อนค่อนข้างมาก และยิ่งเรากำลังเข้าสู่ยุคสมัยที่มีความหลากหลายทั้งวัยและเพศด้วยแล้ว ประเด็นนี้อาจจะเป็นเรื่องที่เรามองข้ามแต่สามารถกลายเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่ก่อปัญหาได้หากไม่ถูกพูดคุยกันเสียแต่เนิ่น ๆ
เราต้องเข้าใจกันก่อนว่าสมัยก่อนนั้น ธุรกิจก็มักจะแต่งตัวกันแบบที่สุภาพ มีรูปแบบที่ค่อนข้างจะชัดเช่นเชิ้ต ผูกเนคไท กางเกงสแลค ส่วนผู้ใหญ่ก็ใส่เดรส กระโปรง ฯลฯ ก่อนจะเริ่มมีการปรับไปสู่ Smart Casual ประเภทเชิ้ตและกางเกงยีนส์ ไม่ต้องผูกไท้ ผู้หญิงสามารถใส่กางเกงและเป็นเสื้อเชิ้ตได้
แต่ทีนี้พอเวลาผ่านมาเรื่อย ๆ จนเข้าสู่ยุคปัจจุบัน กรอบของ "ลำลอง" มันเริ่มเบลอและไปไกลกว่าเดิมมาก เช่นเดียวกับคนทำงานรุ่นใหม่ที่มีคำจำกัดความของ "ลำลอง" ที่ต่างไปจากเดิม
ตรงนี้หลายคนก็อาจจะคิดว่าจะไปคิดอะไรให้วุ่นวาย หัวเก่าเกินไปหรือเปล่า ก็แต่งตัวตามอิสระไปสิ ไม่เห็นจะต้องมาสนใจเรื่องเหล่านี้เลยนี่
แต่ในความจริงก็เชื่อว่ามีคนที่ยังให้ความสำคัญกับการแต่งตัวอยู่ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องมารยาทกับส่วนรวมซึ่งบางออฟฟิศไม่ได้มีกลุ่มคนแบบเดียว ภาพลักษณ์ขององค์กรกับผู้มาทำธุรกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ซัพพลายเออร์ หรือผู้มาติดต่อ
นั่นยังไม่นับกับผลกระทบต่อด้านจิตใจและพฤติกรรมที่มีผลต่อการทำงานอีก ไม่ว่าจะเรื่องความมั่นใจ ความรู้สึกกระตือรือล้นในการทำงาน ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้อาจจะนำไปสู่ประเด็นที่ HR ซึ่งต้องหาวิธีการบริหารวิถีการทำงานในองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพนั้นต้องกลับมาคิดพิจารณาหาจุดสมดุลกันให้ดี ๆ โดยเฉพาะกับองค์กรที่มีพนักงานจำนวนมากและมีความหลากหลาย เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันที่เกิดประโยชน์ร่วมกัน
เพราะแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เองก็อาจจะกลายเป็นสิ่งที่มีผลกับธุรกิจได้เหมือนกันหากไม่บริหารจัดการกันให้ดี และการปล่อยให้ "แต่งกายตามอัธยาศรัย" คลุมเครือหรือให้คิดกันตาม "วิจารณญาณ" ที่แต่ละคนมีไม่เหมือนกันแล้วนั้น ก็อาจจะนำไปสู่ปัญหาที่ตามมาในภายหลังได้นั่นเอง
Comments