การเมืองในองค์กรเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากในทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม การเมืองในที่นี้หมายถึงการแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตนของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลภายในองค์กร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและบรรยากาศในการทำงาน แต่ทำไมผู้บริหารหลายคนถึงเพิกเฉยต่อการมีการเมืองในองค์กรของตน มีเหตุผลที่น่าสนใจหลายประการ ดังนี้
1. ผู้บริหารไม่ตระหนักถึงผลกระทบของการเมืองในองค์กร
บางครั้งผู้บริหารอาจมองว่าการแข่งขันและความขัดแย้งระหว่างพนักงานเป็นเรื่องปกติ โดยไม่ได้คำนึงว่าจะนำไปสู่บรรยากาศการทำงานที่ไม่ดีและความไม่เป็นธรรมภายในองค์กร
2. ผู้บริหารไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว
การจัดการกับการเมืองในองค์กรต้องอาศัยความกล้าหาญ เพราะอาจต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มผลประโยชน์ที่มีอำนาจ บางครั้งผู้บริหารจึงเลือกที่จะนิ่งเฉยเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
3. ผู้บริหารอาจได้ประโยชน์จากการเมืองในองค์กร
ในบางกรณี ผู้บริหารเองก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลประโยชน์ที่ได้รับประโยชน์จากการเมืองในองค์กร จึงไม่ต้องการให้มีการจัดการและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
4. ผู้บริหารไม่มีทักษะในการจัดการ
การจัดการกับการเมืองในองค์กรต้องอาศัยทักษะในการบริหารความขัดแย้ง การเจรจาต่อรอง และความเป็นผู้นำ หากขาดทักษะดังกล่าว ผู้บริหารอาจเลือกที่จะนิ่งเฉยเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
5. ผู้บริหารอาจประเมินสถานการณ์ผิด
บางครั้งผู้บริหารอาจมองว่าการเมืองในองค์กรไม่ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพและผลลัพธ์ จึงไม่เห็นความจำเป็นในการจัดการ ทั้งที่ในความเป็นจริง การเมืองในองค์กรส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของทีมงาน
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริหารจะต้องตระหนักถึงการมีการเมืองในองค์กรและให้ความสำคัญในการบริหารจัดการ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีความยุติธรรม โปร่งใส และทุกคนมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเดียวกันขององค์กร ผู้บริหารที่ฉลาดและกล้าหาญพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายนี้ ย่อมสามารถนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
Comments