top of page

Second-Order Thinking: ทักษะการคิดที่ควรใช้กับการตลาด



หนึ่งใน Mental Model ที่มักแนะนำให้คนทำงานฝึกฝนอยู่เสมอคือ Second-Order Thinking ที่ข่วยให้การคิดมีความรอบคอบมากขึ้น ซึ่งเราก็สามารถนำมาใช้ในการทำงานการตลาดได้อยู่เหมือนกันและควรพัฒนาให้กลายเป็นทักษะที่เราใช้อย่างคุ้นเคย


📍Second-Order Thinking คืออะไร ?


Second-Order Thinking หรือ การคิดเชิงลำดับที่สอง เป็นแนวคิดที่เกี่ยวกับการพิจารณาผลกระทบที่ตามมาหลังจากผลลัพธ์ในลำดับแรก โดยการคิดเชิงลำดับที่สองจะมองไปให้ลึกกว่าแค่ “ผลลัพธ์ทันที” (First-Order Effects) แต่ยังพิจารณาถึง ผลกระทบในอนาคต (Second-Order Effects) และปฏิกิริยาลูกโซ่ที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจนั้น ๆ


📍First-Order vs. Second-Order Thinking


การจะเข้าใจ Second-Order Thinking นั้นก็ต้องเข้าใจสิ่งที่มาคู่กันอย่าง First-Order Thinking ด้วย โดยตัว First-Order Thinking นั้นคือการคิดโดยพิจารณาแค่ผลลัพธ์หรือผลกระทบเบื้องต้น หรือผลกระทบที่เห็นได้ทันที ในขณะที่ Second-Order Thinking คือการถามต่อว่าผลที่ตามมาหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นเป็นลำดับถัดไป


📍Second-Order Thinking กับการตลาด


การเข้าใจเรื่องการคิดโดยมองผลลัพธ์ทันทีกับการมองผลที่ตามมาข้างหลังนั้นเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการคิดทางการตลาดอยู่เหมือนกัน เพราะอาจจะมีหลายครั้งที่นักการตลาดอาจจะมองผลกระทบระยะสั้นโดยลืมคิดถึงผลที่ตามมาและเกิดผลกระทบไม่ดีในระยะยาวก็ได้ ตัวอย่างเช่น


1. ผลกระทบของแคมเปญต่อภาพลักษณ์ระยะยาว

- First-order: แคมเปญที่แรงและแหวกแนวอาจทำให้เกิดกระแสไวรัลและยอดเข้าถึงสูง

- Second-order: แคมเปญอาจทำให้ลูกค้าหลักรู้สึกไม่สบายใจหรือส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์แบรนด์ในระยะยาว


2. กลยุทธ์ด้านราคา

- First-order: การลดราคาดึงดูดลูกค้าใหม่และเพิ่มยอดขายทันที

- Second-order: การลดราคาบ่อยครั้งอาจทำให้ลูกค้ารอช่วงลดราคา และลดความเชื่อถือในมูลค่าสินค้าของแบรนด์


3. การรักษาลูกค้าเก่า vs การหาลูกค้าใหม่

- First-order: การใช้เงินลงทุนในการโฆษณาดึงดูดลูกค้าใหม่

- Second-order: หากไม่มีการดูแลลูกค้าเดิม ลูกค้าอาจย้ายไปหาแบรนด์อื่น ทำให้สูญเสียรายได้ระยะยาว


📍ทำไม Second-Order Thinking จึงสำคัญในมุมมองการตลาด


1. หลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อแบรนด์ในระยะยาว

2. ตัดสินใจอย่างยั่งยืน โดยมองเห็นภาพรวมทั้งระยะสั้นและระยะยาว

3. คิดล่วงหน้ากว่าคู่แข่ง โดยคาดการณ์การตอบสนองและเตรียมรับมือได้ดีขึ้น

4. ปรับกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม กับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค


จะเห็นได้ว่า Second-Order Thinking เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถมองไปข้างหน้าอย่างรอบคอบ และตัดสินใจในแบบที่คำนึงถึงผลลัพธ์ในอนาคตที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วยการตั้งคำถามว่า “แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้?” การตลาดจึงสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และขับเคลื่อนแบรนด์ให้เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว


 #ความรู้ควรถูกส่งต่อ #skills #การพัฒนาตนเอง #การตลาด #marketing 

Comments


ติดตามข่าวสารและอัปเดตจาก dots.

Thanks for subscribing.

bottom of page