หลังจากที่เรามีคำฮิตๆ เกิดขึ้นอย่างเช่น Content Marketing / Contextual Marketing / Big Data กันไปแล้ว ล่าสุดดูเหมือนนักการตลาดและธุรกิจกำลังตื่นเต้นกับคำว่า Internet of Things ที่เรียกว่ากลายเป็นเทรนด์ไอทีที่ถูกพูดถึงเยอะมากทั้งในแง่อุตสาหกรรมและธุรกิจจนไปถึงการตลาดและโฆษณา
ทีนี้หลายๆ คนก็คงเริ่มสงสัยกันแล้วว่า Internet of Things คืออะไร?
ถ้าว่ากันง่ายๆ Internet of Things นั้นเป็นเหมือนการพัฒนาต่อจากเทคโนโลยีที่เรียกว่า M2M หรือ Machine-to-Machine ที่ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถจะสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเองโดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์เข้ามาดำเนินการ (โดยปรกติเราจะคุ้นเคยกับ Human-to-Machine ประเภทเราอยากได้อะไรก็สั่งงานเอา) ทีนี้พอ M2M พัฒนาขึ้นและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายอินเตอร์เนตตลอดจนเทคโนโลยีการสื่อสารแบบต่างๆ นั่นเลยทำให้ขีดศักยภาพที่อุปกรณ์ต่างๆ จะสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน และนั่นจะทำให้สินค้าและบริการด้านไอทีสามารถยกระดับตัวเองไปสู่อีกขั้นที่ไม่เคยสามารถทำได้มาก่อน
พอเราลองมาดู Internet of Things แบบที่จับต้องกันได้นั้น ส่วนใหญ่เราจะพบตัวอย่างได้จากอุปกรณ์พวก Smart Products ต่างๆ ที่จะมีส่วนผสมสำคัญๆ คือส่วนตัวสินค้า (Physical Component) องค์ประกอบอัจฉริยะ (Smart Component) และส่วนของการเชื่อมต่อ (Connectivity Component) ซึ่งสามอย่างนี้จะรวมกันทำให้เกิดอุปกรณ์ที่ฉีกไปจากแบบเดิมๆ
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ในบทความของ Harvard Business Review นั้นอธิบายสามส่วนต่างๆ ไว้ดังนี้ครับ
Physical Component คือส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เช่นแผงวงจร ชิ้นส่วนต่างๆ หรือถ้าพูดถึงรถก็คือเครื่องยนต์ ล้อ แบต ฯลฯ
Smart Component คือส่วนของเซ็นเซอร์ อุปกรณ์การเก็บข้อมูล ชุดควบคุมเช่นซอฟท์แวร์หรือระบบปฏิบัติการ ซึ่งเมื่อมาเทียบกับรถยนต์ก็จะเป็น Engine Control Unit หรือ Anti-lock brake system
Connectivity Component คือส่วนที่ทำให้อุปกรณ์นั้นสามารถทำการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ ซึ่งจะสามารถเป็นแบบ One-to-One / One-to-Many หรือ Many-to-Many ก็ได้
ทีนี้พอสินค้าประเภท Smart Products ต่างๆ ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จุดที่จะกระทบกับสภาพตลาดก็คือวิถีชีวิตของคนจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยความสะดวกสบายที่เกิดขึ้น อุปกรณ์ต่างๆ ทำงานได้ฉลาดมากขึ้นและหลายๆ อย่างไม่ต้องรอให้เราสั่งงานก็สามารถดำเนินการได้เลย
เรื่องลึกๆ ของ Internet of Things นั้นมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะและสามารถแตกเป็นประเด็นต่างๆ ได้มากมายเช่นเรื่องการพัฒนาสินค้าหรือบริการรูปแบบใหม่ๆ หรือแม้แต่เรื่องการปรับองค์กรเพื่อให้รองรับเทคโนโลยีเหล่านี้ในองค์กรซึ่งไว้มีโอกาสจะหยิบมาเล่าให้ฟังต่อไปนะครับ (แต่ถ้าอยากรู้คร่าวๆ ก็ดูคลิปด้านล่างนี้ได้เลยฮะ)
แต่ทีนี้เรื่องที่หลายคนอาจจะมาคิดต่อว่าทำไม IoT ถึงกลายเป็นเรื่องที่เวทีการตลาดหลายที่ถึงหยิบมาพูดกันจัง การตลาดไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องเทคโนโลยีแบบนี้
ส่วนหนึ่งก็เพราะ IoT เองไม่ใช่เรื่องสินค้าไอทีเพียงอย่างเดียว แต่มันจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของตลาดในอนาคต วิถีชีวิตของคนจะเกิดความคาดหวังใหม่ๆ ในตัวสินค้า บริการ เช่นเดียวกับโอกาสใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีเหล่านี้
ตัวอย่างหนึ่งที่ดีและน่าสนใจคือ Sponda Physical Cookie ที่เอาอุปกรณ์ที่เหมือนพวงกุญแจมาให้ลูกค้าใช้เพื่อที่มันสามารถเก็บข้อมูลได้ว่าลูกค้าแต่ละคนเดินไปที่ไหนบ้างในห้าง ใช้เวลากับอะไร และนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์กับร้านค้าต่างๆ แถมปรับโฆษณาต่างๆ ในห้างให้ตรงกับลูกค้าแต่ละคนด้วย
ด้วยเหตุที่เทคโนโลยีของ Internet of Things นั้นได้สร้างพรมแดนใหม่ของการใช้ข้อมูลและการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ มันเลยกลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักการตลาดมากมายที่กำลังพยายามลองหาวิธีการใหม่ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต่างไปจากเดิม (ที่เรามีแค่การทำหนังโฆษณาในโทรทัศน์หรือการลงโฆษณาในสื่อแบบที่เห็นๆ กัน) ซึ่งแน่นอนว่าประสบการณ์รูปแบบใหม่นี้สามารถทำอะไรได้หลากหลายแถมอาจจะมีความ “ล้ำ” มากกว่าแบบเดิมด้วย
ไว้มีโอกาสจะหาเคสการตลาดน่าสนใจๆ ที่เอา IoT มาเป็นองค์ประกอบชนิดทำให้คนต้องร้อง “ว้าว” มาให้ดูกันเรื่อยๆ นะครับ ^^
Comentários