9 เทรนด์สำคัญของการทำงานในปี 2025 และอนาคตต่อไป
- Nuttaputch Wongreanthong
- 15 ก.พ.
- ยาว 1 นาที

ปี 2025 จะเป็นอีกปีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกของการทำงาน ด้วยการเกษียณอายุของแรงงานที่มีประสบการณ์ เทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง และการเปลี่ยนแปลงบทบาทของผู้จัดการ รวมถึงความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่องค์กรต้องเผชิญ Gartner ได้คาดการณ์ 9 เทรนด์สำคัญที่ผู้นำองค์กรและ HR ควรให้ความสำคัญ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่หลัก ดังนี้:
กลุ่มที่ 1: ความต้องการใหม่สำหรับแรงงานที่พร้อมรับอนาคต
1. องค์กรจะสูญเสียความเชี่ยวชาญเนื่องจากการเกษียณอายุและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็ว
ปี 2025 จะเป็นปีที่มีพนักงานเกษียณอายุสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้เกิดช่องว่างด้านความรู้และทักษะ นอกจากนี้ AI และระบบอัตโนมัติได้เข้ามาแทนที่งานระดับเริ่มต้น ทำให้พนักงานใหม่มีโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์จริงลดลง วิธีแก้ไขที่องค์กรสามารถนำมาใช้คือ การสร้างระบบจัดเก็บและแบ่งปันองค์ความรู้ เช่น microlearning และ workforce management tools เพื่อช่วยให้พนักงานใหม่สามารถเรียนรู้จากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญได้
2. องค์กรจะต้องปรับโครงสร้างเพื่อใช้ AI และนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ปัจจุบัน หลายองค์กรยังคงติดอยู่กับระบบบริหารงานแบบเดิมที่มีลำดับขั้นมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้เทคโนโลยี AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด องค์กรควรลดความซับซ้อนของโครงสร้างองค์กร ลดลำดับชั้น และนำแนวทางการทำงานแบบ Agile มาใช้เพื่อเพิ่มความคล่องตัว
3. องค์กรจะใช้ “Nudgetech” เพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกัน
พนักงานในหลายองค์กรมีความพึงพอใจต่อการทำงานร่วมกันลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพขององค์กร การใช้ AI ในรูปแบบของ "Nudgetech" สามารถช่วยปรับปรุงการสื่อสารและการทำงานร่วมกันได้ เช่น แจ้งเตือนให้พนักงานใช้รูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสมกับเพื่อนร่วมงานแต่ละคน หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับสไตล์การทำงานของทีม
กลุ่มที่2: บทบาทที่เปลี่ยนไปของผู้จัดการ
4. พนักงานจะเชื่อมั่น AI มากกว่าหัวหน้างานในเรื่องความเป็นธรรม
AI ถูกมองว่าสามารถให้การประเมินผลที่ยุติธรรมกว่ามนุษย์ในเรื่องของค่าตอบแทนและฟีดแบ็ก องค์กรควรให้ AI เข้ามามีบทบาทในกระบวนการประเมินผลมากขึ้น แต่ยังต้องมีมนุษย์เป็นผู้ตรวจสอบและตัดสินใจขั้นสุดท้าย
5. องค์กรจะต้องหาทางรักษาพนักงานที่มีผลงานดีเยี่ยมในยุค AI
AI อาจทำให้พนักงานที่มีผลงานปานกลางดูเหมือนเป็นพนักงานที่มีประสิทธิภาพสูง องค์กรจำเป็นต้องพัฒนาแนวทางการวัดผลใหม่ ที่สามารถแยกแยะระหว่างผลงานที่เกิดจากความสามารถของพนักงานจริง ๆ กับผลงานที่ถูกขับเคลื่อนโดย AI
6. การมุ่งเน้นไปที่ความรู้สึกมีส่วนร่วมและการยอมรับจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร
DEI (Diversity, Equity, and Inclusion) กำลังเปลี่ยนโฟกัสจาก "ความหลากหลาย" ไปสู่ "การมีส่วนร่วมและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง" ของพนักงาน การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้ทุกคนรู้สึกได้รับการยอมรับจะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพและความผูกพันของพนักงานมากขึ้น
กลุ่มที่ 3: ความเสี่ยงด้านแรงงานที่เกิดขึ้นใหม่
7. การมุ่งเน้น AI มากเกินไปอาจทำให้ประสิทธิภาพขององค์กรลดลง
แม้ว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ แต่การใช้ AI โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อพนักงาน อาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการทำงานมากขึ้น องค์กรควรให้ HR มีบทบาทในการกำกับดูแล AI และให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของพนักงานเป็นหลัก
8. ความเหงากลายเป็นปัญหาทางธุรกิจ ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพจิต
พนักงานที่รู้สึกโดดเดี่ยวจะมีประสิทธิภาพลดลง องค์กรควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีปฏิสัมพันธ์ และออกแบบกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าในที่ทำงาน
9. พนักงานจะผลักดันให้องค์กรใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ
พนักงานเริ่มมีบทบาทในการกำหนดมาตรฐานการใช้ AI ผ่านการเคลื่อนไหวและข้อเรียกร้อง องค์กรที่ต้องการให้การใช้ AI ประสบความสำเร็จควรเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการออกแบบแนวทางการใช้ AI ที่มีจริยธรรมและโปร่งใส
แนวทางปฏิบัติ
องค์กรต้องพิจารณาว่าเทรนด์ใดมีผลกระทบสูงสุดต่อเป้าหมายธุรกิจและพนักงานของตน
เทรนด์ที่สามารถสร้างความแตกต่างและเป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ควรได้รับการดำเนินการก่อน
การลงทุนในเทคโนโลยีและโครงสร้างองค์กรที่ยืดหยุ่นจะช่วยให้สามารถปรับตัวได้ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ปี 2025 จะเป็นปีที่องค์กรต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย และการปรับตัวให้ทันกับ 9 เทรนด์เหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันและความสำเร็จในระยะยาว
เรียบเรียงจาก 9 Trends That Will Shape Work in 2025 and Beyond : https://hbr.org/.../9-trends-that-will-shape-work-in-2025...
Comments